ออม สุชาร์ และ พริม ณัฐชา ได้ตกลงที่จะยุติข้อพิพาททั้งหมดและแยกทางกันด้วยดี โดยออมได้ตัดสินใจซื้อหุ้นทั้งหมด 48% ของพริมในบริษัท “Beauty” ด้วยมูลค่า 25 ล้านบาท ซึ่งออมมองว่านี่คือทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเธอ เพราะเธอเหนื่อยล้าจากการต่อสู้ทางกฎหมายและต้องการมุ่งมั่นกับการทำงานและดูแลตัวเองอย่างเต็มที่
ทนายความของออมยืนยันว่าทุกคดีความที่ฟ้องร้องระหว่างทั้งสองฝ่ายได้สิ้นสุดลงแล้ว ทั้งคดีที่เกี่ยวข้องกับการเพิกถอนการประชุมและเปลี่ยนกรรมการ รวมถึงคดีการแข่งขันทางธุรกิจ ทำให้เรื่องราวทั้งหมดนี้จบลงอย่างสมบูรณ์
ออมยอมรับว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอรู้สึกเครียดมากจากการต่อสู้ทางกฎหมายและการรับมือกับอคติจากผู้คนในสังคม ความรู้สึกในตอนนี้เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก และไม่อยากทะเลาะกับใครอีกแล้ว โดยเธอเลือกที่จะวางเฉยต่อความรู้สึกที่มีต่ออดีตคู่กรณี และมุ่งมั่นที่จะนำพาแบรนด์ของเธอกลับมาให้แข็งแกร่งอีกครั้งการตัดสินใจออกมาเปิดใจในรายการทีวีเป็นสิ่งจำเป็น เพราะหากเธอไม่ออกมาพูด ผู้คนก็จะยังคงตัดสินเธอไปแล้ว และเธอจะ “ตาย” ในทางสังคม ถึงแม้ว่าการอธิบายเรื่องราวที่ซับซ้อนจะทำให้เธอถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่เธอก็ต้องทำเพื่อปกป้องตัวเองและธุรกิจที่เธอรัก
ทนายความของออมยืนยันว่าทุกคดีความที่ฟ้องร้องระหว่างทั้งสองฝ่ายได้สิ้นสุดลงแล้ว ทั้งคดีที่เกี่ยวข้องกับการเพิกถอนการประชุมและเปลี่ยนกรรมการ รวมถึงคดีการแข่งขันทางธุรกิจ ทำให้เรื่องราวทั้งหมดนี้จบลงอย่างสมบูรณ์
ออมยอมรับว่าตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาเธอรู้สึกเครียดมากจากการต่อสู้ทางกฎหมายและการรับมือกับอคติจากผู้คนในสังคม ความรู้สึกในตอนนี้เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก และไม่อยากทะเลาะกับใครอีกแล้ว โดยเธอเลือกที่จะวางเฉยต่อความรู้สึกที่มีต่ออดีตคู่กรณี และมุ่งมั่นที่จะนำพาแบรนด์ของเธอกลับมาให้แข็งแกร่งอีกครั้งการตัดสินใจออกมาเปิดใจในรายการทีวีเป็นสิ่งจำเป็น เพราะหากเธอไม่ออกมาพูด ผู้คนก็จะยังคงตัดสินเธอไปแล้ว และเธอจะ “ตาย” ในทางสังคม ถึงแม้ว่าการอธิบายเรื่องราวที่ซับซ้อนจะทำให้เธอถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่เธอก็ต้องทำเพื่อปกป้องตัวเองและธุรกิจที่เธอรัก
สิ้นสุดมหากาพย์! “ออม สุชาร์” ยุติข้อพิพาท “พริม ณัฐชา” ปิดฉากด้วยดีที่ศาล
หลังจากเผชิญหน้ากับมรสุมดราม่าเรื่องธุรกิจมาอย่างยาวนาน ล่าสุด ออม สุชาร์ ได้เปิดใจหลังการไกล่เกลี่ยคดีกับคู่กรณี พริม ณัฐชา ที่ศาล ซึ่งผลสรุปออกมาเป็นที่น่าพอใจสำหรับทั้งสองฝ่าย
แม้จะเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ออมได้รับกำลังใจอย่างท่วมท้นจากเพื่อนๆ และแฟนๆ ที่เชื่อมั่นในตัวเธอ ซึ่งส่งผลให้ลิปสติกของเธอขายดีจนหมดสต็อก นี่เป็นกำลังใจที่ยิ่งใหญ่สำหรับออมที่ทำให้เธอรู้สึกว่าความทุ่มเทของเธอไม่ได้สูญเปล่า และยืนยันว่าความสบายใจและสุขภาพจิตของเธอคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต
หลังจากนี้ ออมจะมุ่งมั่นในการฟื้นฟูแบรนด์ให้กลับมาเป็นที่ยอมรับ และตั้งใจทำงานอย่างหนักเพื่อชดเชยเวลาที่เสียไป พร้อมทั้งขอบคุณทุกคนที่คอยให้กำลังใจและเชื่อมั่นในตัวเธอเสมอมา
