News
เปิดภาพปัจจุบัน ‘บิ๊กเอ็ม กฤตฤทธิ์’
ไร้งานละคร เตรียมผันตัวสู่เบื้องหลัง เปิดภาพปัจจุบัน ‘บิ๊กเอ็ม กฤตฤทธิ์’ พระเอกดัง ช่อง 7
จากสถิติทำเรตติ้งวันเปิดตัวสูงถึง 10.5 และเรตติ้งตอนจบปาเข้าไป 14.3 ก็เลยทำให้ช่อง 7 นำละครเรื่องดัง “ข้ามากับพระ” กลับมารีรันอีกครั้งในช่วงละครหลังข่าวค่ำ
ทุกวันพุธ พฤหัสบดี งานนี้พระเอกหนุ่ม บิ๊กเอ็ม กฤตฤทธิ์ บุตรพรม ดีใจยิ้มร่า เพราะว่าถึงแม้ตอนนี้จะออกไปถ่ายละครไม่ได้ แต่ก็ยังได้เห็นผลงานตัวเองถูกนำกลับมา
ให้ชมอีกครั้ง วันนี้ได้มีโอกาสอัปเดตชีวิตในช่วงที่ล็อกดาวน์อยู่กับบ้าน บิ๊กเอ็ม ผ่านวันเวลาน่าเบื่ออย่างไร โดยเจ้าตัวเผยว่า “ช่วงแรกๆในการให้ร่วมมือปฏิบัติตามมาตร
การรักษาระยะห่าง ไม่ไปในที่ที่มีคนแออัด ผมอยู่บ้านก็มีกังวลบ้าง แต่ด้วยความที่ผมเป็นคนแบบว่าหากไม่ออกไปท่องเที่ยวแอดเวนเจอร์หรือเข้าป่า ก็จะอยู่บ้านนิ่งๆ
แล้วหาข้อมูลท่องอินเตอร์เน็ต หรือดูหนังดูซีรีส์พักผ่อนอยู่บ้านยาวๆได้แบบไม่เบื่อ แม้ครั้งนี้จะพักนานหลายเดือนไปนิดก็ยังโอเคครับ” พักนานแล้วเหงามั้ย
อยู่บ้านวันๆทำอะไรมั่ง “ไม่ทันได้เหงาครับ เป็นการได้อยู่บ้านนิ่งๆ ยาวนานนับเดือน ทำให้ผมได้ทบทวนวางแผนชีวิตตัวเองมากขึ้น ที่ทำอยู่สม่ำเสมอก็คือออกกำลังกาย
ดูแลสุขภาพ พักผ่อนให้เพียงพอ อีกสิ่งที่ทำคือผมชอบดูหนัง ดูซีรีส์ แล้วศึกษาวิธีการบางเรื่องที่ตัวละครคาแรกเตอร์ใกล้เคียงกับบทที่ผมได้รับก็จะจดไว้โน้ตไว้
เมื่อเปิดกองถ่ายได้ก็จะนำไปปรึกษากับผู้กำกับอีกที นอกจากนี้ก็หาคอร์สที่ผมสนใจ เช่น คอร์สกราฟิก สเปเชียลเอฟเฟกต์ต่างๆ คอร์สตัดต่อบ้าง หรือคอร์สอบรม
การถ่ายภาพบ้าง ศึกษางานเบื้องหลังเพราะในอนาคตผมวางเป้าหมายอยากเป็นผู้ผลิต จึงใช้เวลาช่วงนี้ศึกษาดูงานจากฝีมือคนเบื้องหลังเก่งๆ ทั้งเทคนิคพิเศษ
กราฟิกดีไซน์ เกรดสี ตัดต่อ งานถ่ายทำวางมุมกล้อง จัดแสงวางไฟ จนได้ทั้งข้อมูล ซื้อโปรแกรมต่างๆ พร้อมด้วยอุปกรณ์มาไม่น้อย และพลิกโฉมห้องโถงของบ้าน
ให้เป็นสตูดิโอย่อมๆ รับผลิตงานแบบโปรดักชันเล็กๆได้เลยครับ” เป็นการแก้เหงาอย่างดีในสถานการณ์ช่วงนี้ ค้นหาตัวเองให้เจอว่าชอบอะไรแล้วขลุกศึกษาอยู่กับสิ่งนั้น
ในช่วงนี้ให้เป็นโอกาส เพราะหากเป็นสถานการณ์ปกติเราไม่สามารถทำแบบนี้ได้ เพราะทุกคนต้องทุ่มเทกับงานที่ต้องรับผิดชอบ จนไม่มีโอกาสทำในสิ่งที่รัก
อย่าปล่อยเวลาให้สูญเปล่า บางคนสามารถค้นพบอาชีพใหม่และสร้างอาชีพได้เลยครับ เพราะสุดท้ายสถานการณ์ก็ต้องจบ เพียงแต่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น
จะยังไม่ได้หายไป แต่เราจะมีวิธีรักษา ปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตที่จะต้องอยู่กับสิ่งนี้ไปให้ได้อย่างมีความสุข และเรามีโอกาสใหม่ๆ ถือเป็นอีกช่วงหนึ่งที่ยังสนุก
และได้พัฒนาทักษะ รู้จักขีดความสามารถของเราเพิ่มขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนก้าวผ่านพ้นได้ด้วยดีไปพร้อมๆกันนะครับ”
