สร้างทับที่เดิมกลางป่าสวนยางพารา
บ้านใหม่ ‘อรอุมา สิทธิรักษ์’ เป็นของขวัญให้พ่อแม่จากน้ำพักน้ำแรงตัวเอง
อรอุมา สิทธิรักษ์ มือตบหัวเสาแห่งทีมชาติไทย ได้สร้างบ้านให้พ่อแม่ที่บ้านเกิด อีกหนึ่งความฝันที่เธอทำได้สำเร็จ ส่องบ้านของ อรอุมา สิทธิรักษ์
นักกีฬาวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติไทย ที่เธอได้โพสต์ลงในอินสตาแกรมพร้อมข้อความ “เพราะบ้านคือจุดเริ่มต้นของความสุขในครอบครัว
ฝันที่เป็นจริง และแล้ววันนี้ก็มาถึงสักทีสิ่งที่อยากทำมาตลอดคือสร้างบ้านให้พ่อกับแม่อยู่ดีใจที่ทำตามฝันได้สำเร็จ”
โดยเธอได้สร้างบ้านหลังนี้ให้พ่อแม่ที่สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเธอ แต่ละมุมภายในบ้านมีความงดงามและน่าอยู่มาก ๆ
เชื่อเหลือเกินว่าแฟนกีฬาบ้านเราน้อยคนนักที่จะไม่มีใครไม่รู้จัก อรอุมา สิทธิรักษ์ นักวอลเลย์บอลสาวทีมชาติไทย สังกัด ไดมอนด์ ฟู้ด วีซี
สโมสรในศึกลูกยางไทยลีก ด้วยฝีมือ และความตั้งใจฝึกซ้อมทำให้เธอสามารถอยู่ในวงการมาอย่างยาวนานกว่า 15 ปี โดยเธอติดทีมชาติชุดใหญ่
ครั้งแรกในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2006 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ ซึ่งในปัจจุบันเธอก็ยังคงเป็นกำลังหลักในนามทีมชาติเหมือนเดิม
รวมถึงได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ใน 6 เซียนแห่งตำนานวอลเลย์บอลไทย นักตบสาววัย 34 ปี ถือเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ
มากที่สุดในเส้นทางอาชีพ ด้วยการกวาดแชมป์ต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นในระดับสโมสรหรือในนามทีมชาติ นอกจากนี้ยังเคยเดินทางไปเล่น
ในลีกต่างประเทศมาแล้วทั้ง ตุรกี, เวียดนาม, สวิตเซอร์แลนด์, รัสเซีย, อาเซอร์ไบจาน และ ญี่ปุ่น นอกเหนือจากแบบอย่างความเป็นมืออาชีพ
ในสนามที่ทำให้ใครหลายคนได้เห็นแล้ว อีกบทบาทหน้าที่ของเธอที่ต้องชื่นชมก็คือการเป็นลูกที่กตัญญูต่อครอบครัว ด้วยการเก็บเงินสร้างบ้าน
ให้กับครอบครัวของเธอได้อยู่อย่างสุขสบาย ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งย้อนไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่ผ่านมา เธอสามารถทำความฝันได้สำเร็จ
ด้วยการสร้างบ้านให้ครอบครัวได้อยู่อย่างสุขสบายที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จในชีวิตของเธอ “เพราะบ้านคือจุดเริ่มต้นของความสุขในครอบครัว
ฝันที่เป็นจริง บ้านสิทธิรักษ์ และแล้ววันนี้ก็มาถึงสักทีสิ่งที่อยากทำมาตลอดคือสร้างบ้านให้พ่อกับแม่อยู่ ดีใจที่ทำตามฝันได้สำเร็จ”
นักตบลูกยางสาวเผย สำหรับบ้านหลังนี้ถือเป็นอีกหนึ่งความภูมิใจของเธอที่สู้มาทั้งชีวิตกว่าจะมีวันนี้ ด้วยพื้นที่ใช้สอยรวม 245 ตรม. ขนาด 4 ห้องนอน,
3 ห้องน้ำ, 1 ห้องรับแขก, 1 ห้องครัวไทย, 1 ห้องพักผ่อน และ 2 ที่จอดรถ ใช้งบในการก่อสร้างประมาณ 3.5 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ เดอะ เบสท์โฮม
